ในบทความกล่าวถึงลักษณะของภาวะ MIS-C ในเด็ก และการรักษา
ผลงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ชั้นปี่ที่ 4
ในบทความกล่าวถึงลักษณะของภาวะ MIS-C ในเด็ก และการรักษา
ผลงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ชั้นปี่ที่ 4
ในบทความกล่าวถึงที่ตรวจตั้งครรภ์แต่ละชนิด การแปลผล เวลาที่ควรตรวจ
ผลงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ชั้นปี่ที่ 4
ในบทความกล่าวถึงการปฏิบัติตัวเมื่อฝุ่นเข้าตา
ผลงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ชั้นปี่ที่ 4
ในบทความกล่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ละบริษัทว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ผลงานของนักศึกษาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ชั้นปี่ที่ 4
การจะตอบคำถามนี้ได้ต้องเข้าใจก่อนว่า
การจะตอบคำถามนี้ได้ต้องเข้าใจก่อนว่า ยาคุมฉุกเฉิน ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ เช่น หลั่งด้านนอก เผลอหลั่งด้านใน มีเซ็กซ์แบบสนุกๆ สวิงกิ้ง โดนทำร้าย…
ในช่วงที่ ฝ่ายชายหลั่งจะมีอสุจิออกมาด้วยซึ่งตัวอสุจิ ก็จะแข่งกันว่ายน้ำเข้าไปหารังไข่ของฝ่ายหญิงเพื่อปฏิสนธิ แล้วเคลื่อนย้ายตัวเอง ไปฝังตัวในผนังมดลูกเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น ระยะเวลาของขั้นตอนเหล่านี้ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 5 วันเท่านั้นเอง
หมายความว่า ถ้าเราทานยาคุมฉุกเฉินช้าเกินกว่า 5 วันก็มักจะไม่ได้ผล เพราะเกิดการฝังตัวของไข่ที่ผสมไปแล้ว
ในประเทศไทยมียาคุมฉุกเฉินที่นิยม ฮอตฮิตอยู่ 2 แบบ คือ
ถ้าซื้อ
แบบ 1. ให้ทาน 1 เม็ดหลังเสร็จกิจกรรมทันที จากนั้น อีก 12 ชั่วโมง ให้ทานอีก 1 เม็ดที่เหลือ
โดยต้องทานเม็ดแรก ภายใน 72 ชั่วโมง หลังเสร็จกิจกรรม
แบบ 2. ให้ทาน 1 เม็ดหลังเสร็จกิจกรรมทันที เม็ดเดียวจบ โดยต้องทาน ภายใน 72 ชั่วโมง หลังเสร็จกิจกรรม
แล้วทานยาคุมฉุกเฉินแบบไหนปลอดภัยที่สุดกันละ?
คำตอบคืออ เทียบประสิทธิภาพ การทาน ผลข้างเคียง ความแตกต่าง มีติ้กถูก ผิด
แต่ยาคุมฉุกเฉิน ป้องกันการตั้งครรภ์ได้แค่ 85% เท่านั้น มีโอกาสอีกตั้ง 15% ที่จะตั้งครรภ์ ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีที่สุด มาต่อกันบทความหน้านะครับ
การจะตอบคำถามนี้ได้ต้องเข้าใจก่อนว่า ยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนโดยทั่วไป (Contraceptive pills) มีการออกฤทธิ์โดยเลียนแบบการหลั่งฮอร์โมนในร่างกายของเรา
โดยระยะเวลา
0-14 วันแรก เป็นการสะสมพลังของฮอร์โมน เอสตร้าไดออล (Estradiol) เรียกขั้นนี้ว่า ฟอลลิเคิล เฟส (Follicle phase) เพื่อกระตุ้นให้ไข่ตก
ประมาณวันที่ 13-14 ฮอร์โมน Estradiol ลดลง ลูทีไนซิ่ง ฮอร์โมน (Luteinizing hormone, LH) กับ ฟอลลิเคิล สติมูเลติ้ง ฮอร์โมน (Follicle-stimulating hormone, FSH) เพิ่มสูงขึ้น เกิดการตกไข่ขึ้น
14-28 วันหลัง ฮอร์โมน โพรเจสเทอโรน (progesterone) ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น เพื่อสร้างผนังมดลูกให้หนาขึ้น เรียกขั้นนี้ว่า ลูเทียล เฟส (Luteal phase) แต่ในช่วงวันท้ายๆ ฮอร์โมนดังกล่าวจะค่อยๆลดลง เกิดการสลายของผนังมดลูก ออกมาเป็น ประจำเดือนนั่นเอง
จะเห็นว่าในช่วงแรก ถ้าฮอร์โมน Estradiol ลดลง จะเกิดการตกไข่ และในช่วงหลัง ถ้าฮอร์โมน Progesterone ลดลง จะเกิดการสลายผนังมดลูก เกิดเป็นประจำเดือน
ยาคุมกำเนิดโดยทั่วไป จึงมีตัวยาสำคัญคือ ฮอร์โมน Estradiol + ฮอร์โมน Progesterone รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน เพื่อป้องกันการตกไข่ และทำให้ผนังมดลูกสลายตัวเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
แล้วเลือกทานยาคุม 21 หรือ 28 เม็ด แบบไหนดีกว่ากัน?
คำตอบคืออ เทียบประสิทธิภาพ การทาน ผลข้างเคียง ความแตกต่าง มีติ้กถูก ผิด
แต่ก็มีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอีกในการเริ่มทานยาคุม เช่น น้ำหนัก ต้องการรักษาสิวด้วย แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรทาง www.healthylifeshops.com ได้เลยครับ หรือถ้าสงสัยอยากรู่ทันทีกดอ่านบทความ……….. ได้เลยครับ